สื่อออนไลน์ประวัติศาสตร์สากล
Home
แบบทดสอบก่อนเรียน
ที่มาประวัติศาสตร์สากล
ประวัติศาสตร์สากลสมัยโบราณ
ประวัติศาสตร์สากลสมัยกลาง
ระบอบฟิวดัล
สงครามครูเสด
การฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ
การสำรวจทางทะเล
การปฏิรูปศาสนา
การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์
การปฏิวัติอุตสาหกรรม
การปฏิวัติทางภูมิปัญญา
ประวัติศาสตร์สากลสมัยใหม่
ประวัติบุคคลสำคัญ
จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ (John F. Kennedy)
วินสตัน เชอร์ชิล(Winston Churchill)
อับราฮัม ลิงคอล์น (Abraham Lincoln)
จูเลียส ซีซาร์
จอร์จ วอชิงตัน (George Washington)
แฟรงกลิน เดลาโน โรสเวลต์
มหาตมะ คานธี
อาร์คิมิดีส
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler)
กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei)
สรุปประวัติศาสตร์สากล
แบบทดสอบหลังเรียน
อ้างอิง
ติดต่อฉัน
New Page
Button Text
การปฏิรูปศาสนา
การปฏิรูปศาสนา (Religious Reformation) เกิดขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 16 มีสาเหตุ สำคัญมาจากความเสื่อมความนิยมในผู้นำทางศาสนาและการเกิดแนวคิดใหม่เกี่ยวกับศาสนา เนื่องจากมีการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและแปลออกเป็นภาษาต่างๆ เช่น ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ทำให้คริสต์ศาสนิกชนมีความรู้ความเข้าใจใหม่ การปฏิรูปศาสนาจึงเกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศ โดยมีผู้นำการปฏิรูปหลายคนและใช้ชื่อแตกต่างกัน
การปฏิรูปคริสต์ศาสนา หมายถึง ขบวนการในยุโรปตะวันตกที่ปัจเจกชนและสถาบันต่างๆ แสดงความเห็นคัดค้านการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องตามหลักในคัมภีร์ไบเบิล การปฏิรูปเป็นไปอย่าง ต่อเนื่อง จนในที่สุดคริสต์ศาสนาในยุโรปได้แตกแยกเป็น 2 นิกาย คือโรมันคาทอลิกและ โปรเตสแตนต์
สาเหตุการปฏิรูปศาสนา
สาเหตุการปฏิรูปศาสนา มีดังนี้
1. ประชาชนไม่พอใจสันตะปาปาที่กรุงโรม พระและบาทหลวงที่มีความเป็นอยู่อย่าง ฟุ่มเฟือย หรูหรา ทั้งยังเรียกเก็บภาษีบำรุงศาสนาสูงขึ้น เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในคริสตจักรใน กรุงโรม รวมทั้งการซื้อขายตำแหน่งของพวกบาทหลวงและความเสื่อมเสียในจริยวัตรของ สันตะปาปาที่ครองอำนาจในคริสต์ศตวรรษที่ 15-16
2. เจ้าผู้ครองแคว้นต่างๆ ในยุโรปต้องการเป็นอิสระจากคริสตจักรที่มีสันตะปาปาเป็น ผู้ปกครอง และจากจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากสันตะปาปาเข้าไปยุ่งเกี่ยว และใช้อำนาจทางการเมือง
3. การศึกษาในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ทำให้ชาวยุโรปเห็นว่ามนุษย์สามารถทำความ เข้าใจคัมภีร์ไบเบิลได้ด้วยตนเองมากกว่าที่จะผ่านพิธีกรรมของศาสนจักร
4. สันตะปาปาจูเลียสที่ 2 (Julius II) และสันตะปาปาลีโอที่ 1 ต้องการหาเงินในการ ก่อสร้างมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรม จึงส่งคณะสมณทูตมาขาย “ใบไถ่บาป” ในดินแดน เยอรมนี เนื่องจากเป็นแนวคิดของชาวคริสต์ว่า พระเป็นเจ้าส่งพระเยซูคริสต์มาช่วยมนุษย์ให้พ้น จากบาป เรียกว่า การไถ่บาป (redemption) ด้วยการเสียสละพระชนม์ชีพ การไถ่บาปจะเป็นการ เปิดทางให้มนุษย์ได้รับการอภัยโทษ และกลับมามีความสัมพันธ์กับพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ได้ อย่างถูกต้อง
การเริ่มต้นปฏิรูปศาสนา
การปฏิรูปศาสนาเริ่มต้นในดินแดนเยอรมนีใน ค.ศ. 1517 เมื่อมาร์ติน ลูเธอร์ (Martin Luther : ค.ศ. 1483-1546) นักบวชชาวเยอรมันและเป็นผู้สอนเทววิทยาสายคัมภีร์ (Biblical Theology) แห่งมหาวิทยาลัยวิทเทนบูร์ก (Wittenburg) ใน เยอรมนี ได้เขียนญัตติ 95 ข้อ (Ninety-Five Theses) คัดค้าน การขายใบไถ่บาปติดไว้หน้ามหาวิหารแห่งเมืองวิทเทนบูร์ก ญัตติ ของเขาได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางในเยอรมนี แต่ผู้นำ ของคริสตจักรได้ลงโทษเขา โดยประกาศให้เขาเป็นบุคคลนอก ศาสนา (การบัพพาชนียกรรม : excommunication) แต่เจ้าชาย เฟรเดอริก (Friederick the Wise) ผู้ครองแคว้นแซกโซนีได้ให้ ความอุปถัมภ์เขาไว้ และให้เขาแปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษา เยอรมัน ทำให้ความรู้ด้านศาสนาแพร่หลายไปทั่ว นอกจากนี้เขา ได้ก่อตั้งนิกายลูเธอร์ (Lutheranism) ซึ่งได้แพร่ขยายไปทั่วเยอรมนีและสแกนดิเนเวีย
ในสวิตเซอร์แลนด์ได้เกิดการปฏิรูปศาสนาเช่นกัน โดยเริ่มจากอุลริค ชวิงลี (Ulrich Zwingli : ค.ศ. 1484-1531) ชาวเยอรมัน ไฮริช บูลลิงเจอร์ (Heinrich Bullinger) และจอห์น คาลวิน หรือกัลแวง (John Calvin : ค.ศ. 1509-1564) ชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งลัทธิคาลวินส์ (นิกายกัลแวง : Calvinism) ที่แพร่หลายในสวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และสกอตแลนด์
ในอังกฤษ พระเจ้าเฮนรีที่ 8 ทรงขัดแย้งกับสันตะปาปา เรื่องการหย่าขาดกับพระมเหสี องค์เดิมของพระองค์ คือ พระนางแคเธอรีนแห่งอารากอน (Catherine of Aragon) เพื่ออภิเษก สมรสใหม่ พระองค์จึงให้อังกฤษแยกตัวทางศาสนาออกจากศาสนจักรที่กรุงโรม โดยแต่งตั้ง สังฆราชแห่งแคนเทอร์บิวรี (Archbishop of Canterbury) ขึ้นใหม่ ต่อมาใน ค.ศ. 1563 กษัตริย์ อังกฤษ (สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบทที่ 1) ทรงประกาศตั้งนิกายอังกฤษหรือนิกายแองกลิคัน (Anglican Church) โดยกษัตริย์อังกฤษเป็นประมุขของศาสนา นิกายนี้มีลักษณะเด่นคือ การ ยอมรับและรักษาพิธีกรรมต่างๆ ของนิกายโรมันคาทอลิก แต่ไม่ยอมรับนับถือสันตะปาปาที่กรุงโรม
ในฝรั่งเศส ลัทธิคาลวินได้แพร่หลายในฝรั่งเศสในกลุ่มที่เรียกว่า พวกอูเกอโนต์ (Huguenot) ซึ่งถูกรัฐบาลปราบปรามอย่างหนักในคริสต์ศตวรรษที่ 16
การปฏิรูปได้แพร่ขยายจากเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ ฮอลแลนด์ และกลุ่มสแกน- ดิเนเวีย ไปยังประเทศอื่นๆ ในยุโรป และมีการต่อต้านทุกแห่ง การต่อต้านอย่างรุนแรงเกิดขึ้นใน ฝรั่งเศสและสเปน จนกลายเป็นสงครามศาสนา
นิกายทางศาสนาที่เกิดขึ้นใหม่ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 นี้ คือ นิกายโปรเตสแตนต์ (Protestantism) ซึ่งหมายถึงผู้คัดค้าน ซึ่งต่อมาได้แยกเป็นนิกายต่างๆ มากมาย เช่น นิกาย ลูเธอร์แรน นิกายรีฟอร์ม นิกายเพรสไบทีเรียน นิกายแองกลิคัน เป็นต้น
การปฏิรูปศาสนาของคริสตจักร
เมื่อมีการปฏิรูปศาสนาในดินแดนต่างๆ นักบวชและชาวคริสต์บางคนได้รวมตัวกันต่อต้าน และปฏิรูปตนเอง รวมทั้งชักชวนให้คริสต์ศาสนิกชนอื่นๆ ทำตาม บางท่านมีผู้เลื่อมใสและยกย่อง ให้เป็นนักบุญ เช่น บริจิตต์แห่งสวีเดน (Brigitt of Sweden) ฟรังซีสแห่งปาโอลา (Francis of Paola) ในอิตาลี และพวกปัญญาชนพยายามศึกษาเรื่องศาสนาและเผยแพร่สู่ประชาชน ซึ่งการ ปฏิรูปดังกล่าวเป็นการปฏิรูปจากคริสต์ศาสนิกชนเบื้องล่าง แต่เมื่อการปฏิรูปศาสนาลุกลามไป อย่างรวดเร็ว คริสตจักรจึงได้หาทางยับยั้ง ดังนี้
1. การประชุมสังคายนาแห่งเทรนต์ (Council of Trent) ในระหว่าง ค.ศ. 1545-1547 และ ค.ศ. 1562-1563 เพื่อกำหนดระเบียบวินัยภายในคริสตจักร ยกเลิกการขายใบไถ่บาป และ ให้ใช้ภาษาพื้นเมืองในการสอนศาสนา
2. การปรับปรุงระเบียบวินัยของนักบวชและตั้งคณะนักบวชเพื่อการปฏิรูป เช่น คณะเยซูอิต ตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1534 เพื่อจัดตั้งโรงเรียนสอนศาสนาและเผยแผ่ศาสนาไปยังประเทศ ต่างๆ
การปฏิรูปศาสนาของคริสตจักรทำให้เกิดมิชชันนารีจำนวนมาก เพื่อเผยแผ่คำสอนของ โรมันคาทอลิกไปทั่วโลก
ผลของการปฏิรูปการศาสนา
ผลของการปฏิรูปการศาสนา มีดังนี้
1. คริสตศาสนาแบ่งออกเป็น 2 นิกาย คือ โรมันคาทอลิก มีศูนย์กลางที่กรุงโรม มี สันตะปาปาเป็นประมุข และนิกายโปรเตสแตนต์ ซึ่งแยกเป็นนิกายต่างๆ ได้แก่ นิกายลูเธอร์แรน นิกายคาลวิน นิกายแองกลิคัน เป็นต้น (ส่วนนิกายออร์ทอดอกซ์ แยกตัวไม่ขึ้นกับสันตะปาปา ใน ค.ศ. 1045 โดยมีสังฆราช ที่เรียกว่า patriarch เป็นประมุข ซึ่งแพร่หลายในกรีซ รัสเซีย เซอร์เบีย โรมาเนีย บัลแกเรีย) ทำให้ความเป็นเอกภาพทางศาสนาสิ้นสุดลง
2. เกิดการกระตุ้นให้ศึกษาหลักธรรมทางคริสต์ศาสนามากยิ่งขึ้นในหมู่สามัญชน มีการ เผยแผ่คริสต์ศาสนาไปยังดินแดนต่างๆ
3. เกิดกระแสชาตินิยมในประเทศต่างๆ เนื่องจากนิกายโปรเตสแตนต์ส่งเสริมวัฒนธรรม ท้องถิ่น และส่งเสริมให้อำนาจแก่ผู้ปกครองในท้องถิ่นเป็นตัวแทนของพระเจ้าในการปกครอง ประเทศ
4. เกิดสงครามศาสนาในยุโรปหลายครั้ง ส่งผลให้สถาบันกษัตริย์มีอำนาจเหนือคริสตจักร ในที่สุด