สื่อออนไลน์ประวัติศาสตร์สากล
Home
แบบทดสอบก่อนเรียน
ที่มาประวัติศาสตร์สากล
ประวัติศาสตร์สากลสมัยโบราณ
ประวัติศาสตร์สากลสมัยกลาง
ระบอบฟิวดัล
สงครามครูเสด
การฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ
การสำรวจทางทะเล
การปฏิรูปศาสนา
การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์
การปฏิวัติอุตสาหกรรม
การปฏิวัติทางภูมิปัญญา
ประวัติศาสตร์สากลสมัยใหม่
ประวัติบุคคลสำคัญ
จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ (John F. Kennedy)
วินสตัน เชอร์ชิล(Winston Churchill)
อับราฮัม ลิงคอล์น (Abraham Lincoln)
จูเลียส ซีซาร์
จอร์จ วอชิงตัน (George Washington)
แฟรงกลิน เดลาโน โรสเวลต์
มหาตมะ คานธี
อาร์คิมิดีส
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler)
กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei)
สรุปประวัติศาสตร์สากล
แบบทดสอบหลังเรียน
อ้างอิง
ติดต่อฉัน
New Page
ประวัติศาสตร์สากล สมัยใหม่
ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ (
Modern History) เริ่มตั้งแต่การสิ้นสุดของประวัติศาสตร์สมัยกลางจนถึงปัจจุบัน แต่ก็มีบางกลุ่มที่ถือว่าสมัยนี้สิ้นสุดในราวค.ศ. 1900 และได้แบ่งออกเป็นอีกสมัยหนึ่งคือ ประวัติศาสตร์สมัยปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่สิ้นสุดประวัติศาสตร์สมัยใหม่จนถึงปัจจุบัน เพราะระยะช่วงนี้เกิดเหตุการณ์ที่สำคัญ ๆ ขึ้นมากมาย มีรายละเอียดที่มากจนสามารถแบ่งออกเป็นอีกสมัยหนึ่งได้
สมัยใหม่
สาเหตุของการเปลี่ยนแปลง
1. ด้านเศรษฐกิจ เกิดการตื่นตัวทางการค้า มีการสำรวจดินแดนใหม่ๆ (Age of Discovery)
2. กำเนิดชนชั้นกลาง คือ พ่อค้าและปัญญาชน ความเสื่อมของระบบฟิวดัล พระและขุนนางถูกลดบทบาท
3. การปกครองเปลี่ยนไปสู่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เกิดแนวคิดความเป็นรัฐชาติ
4. การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ เรียกยุคนี้ว่า Age of Reason และ Age of Enlightenment
5. การปฏิรูปศาสนา เกิดนิกายโปรเตสแตนท์ โดย มาร์ติน ลูเธอร์
วรรณกรรม
มีการใช้ภาษาถิ่นแทนภาษาละติน
ศิลปะสมัยใหม่
( Modern Art )
1. ศิลปะจินตนิยม ( Romanticism ) ค.ศ.1800-1900
- ก่อเกิดในอังกฤษและฝรั่งเศสช่วงระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน มีทรรศนะคติที่ต้องการความเป็นอิสระในการแสดงออกที่ศิลปินต้องการมากกว่าการเดินตามกฎเกณฑ์และแบบแผนทางศิลปะ ดังที่ศิลปินลัทธิคลาสสิกใหม่ยังยึดถืออยู่
- เป็นศิลปะที่เน้นอารมณ์อยู่เหนือเหตุผล มุ่งสร้างสรรค์งานที่ตื่นเต้น เร้าใจ ก่อให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจแก่ผู้ชม
2. ศิลปะสัจนิยม ( Realisticism ) กลางคริสต์ศตวรรษที่ 19
- ศิลปินในยุคนี้ได้แก่ กุสตาฟ คูร์เบท์ , ฌอง ฟรังซัวส์ มิล์เลท์
3. ศิลปะลัทธิประทับใจ ( Impressionism ) ศิลปะแห่งความงดงามของประกายแสงและสี
- แสดงภาพทิวทัศน์บก ทะเล ริมฝั่ง เมืองและชีวิตประจำวันที่รื่นรมย์ เช่น การสังสรรค์ บัลเลต์ การแข่งม้า สโมสร นิยมเขียนภาพนอกห้องปฏิบัติงาน
- พยายามแสดงคุณสมบัติของแสงสี อันเป็นผลมาจากความรู้เกี่ยวกับแสงจากสเปกตรัมและสี ซึ่งเป็นผลผลิตจากความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์
- ศิลปินในยุคนี้ ได้แก่ มาเนท์ , โคลด โมเนท์ , เรอนัวร์ , เดอกาส์ , โรแดง , รอสโซ
4. ศิลปะลัทธิประทับใจใหม่ ( Neo-Impressionism ) สีจากแสงสเปกตรัมมาสู่อนุภาค
- เกิดเทคนิคการระบายสีเป็นสีจากจุด ซึ่งเป็นผลมาจากความเชื่อทางฟิสิกส์ว่า แสง คือ อนุภาค โดยการระบายสีให้เกิดริ้วรอยพู่กันเล็กๆด้วยสีสดใส จุดสีเล็กๆนี้จะผสานกันในสายตาของผู้ชม มากกว่าการผสมสีอันเกิดจากการผสมบนจานสี
- ศิลปินคนสำคัญ ได้แก่ จอร์จส์ เซอราท์ , คามิลล์ พีส์ซาร์โร , พอล ซิบัค
5. ศิลปะลัทธิประทับใจยุคหลัง ( Post-Impressionism )
6. ศิลปะลัทธิบาศกนิยม ( Cubism ) ค.ศ.1907-1910
7. ศิลปะลัทธิเหนือจริง ( Surrealism ) ศิลปกรรมที่เปิดเผยความฝันและจิตใต้สำนึก
8. ศิลปะลัทธินามธรรม ( Abstractionism ) ศิลปะไร้รูปลักษณ์
พัฒนาการของมนุษย์ยุคใหม่
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะดาราศาสตร์ ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 เป็นผลให้นักเดินเรือสามารถเดินทางและกำหนดเป้าหมายได้อย่างมีระบบ
ขยายการค้าและการติดต่อระหว่างตะวันออกกับตะวันตกได้
สาเหตุการสำรวจทางทะเล
1. ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ และความรู้ด้านภูมิศาสตร์ แผนที่ของปิโตเลมี
2. การใช้เข็มทิศและความก้าวหน้าในการต่อเรือเดินสมุทร อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ความต้องการสินค้าและวัตถุดิบจากโลกตะวันออก
โปรตุเกสเป็นชาติแรกที่เป็นผู้นำในการเดินเรือ นักสำรวจที่สำคัญ ได้แก่
1. นาโธโลนิว ไดแอส สามารถเดินเรือเลียบทวีแอฟริกา อ้อมแหลมกู๊ดโฮป
2. วาสโกดา กามา เดินเรือมาทวีปเอเซีย ขึ้นฝั่งที่ประเทศอินเดีย
3. คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ชาวอิตาลีค้นพบทวีปอเมริกา
4. เฟอร์ดินันด์ แมกเจลแลน นักแสวงโชคผู้สามารถเดินเรือรอบโลกได้เป็นผู้สำเร็จคนแรก
ความก้าวหน้าวิทยาศาสตร์สาขาอื่นนอกจากดาราศาสตร์
1. ทอร์ริเซลลี นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลี ประดิษฐ์บารอมิเตอร์เพื่อใช้วัดความกดดันของบรรยากาศ
2. เกอร์ริก ชาวเยอรมันพิสูจน์ว่าอากาศมีความดกดัน
3. เซอร์ ไอแซค นิวตัน นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษที่ศึกษาเรื่องการหักเหของแสง และแรงดึงดูดของโลก
4. พาราเซลซัส ชาวสวิตเซอร์แลนด์ ได้ศึกษาเกี่ยวกับธาตุที่ใช้ในการรักษาโรค
5. โรเบิร์ต บอยล์ นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ศึกษาวิธีเตรียมฟอสฟอรัสจากน้ำปัสสาวะกับกระดูก และให้คำจำกัดความของ "ธาตุ" คือ สารที่จะไม่มีการแปร
ให้เป็นสิ่งอื่นได้เลย
6. โรเบิร์ต ฮุค ได้ตั้ง "กฎของบอยล์" ว่า อากาศหรือก๊าซเมื่อถูกความร้อนจะขยายตัว และถ้าอุณหภูมิมีค่าคงที่แล้ว ก๊าซจะมีปริมาณน้อยมากตามปฏิภาคอย่าง
กลับกับความกดดันของก๊าซนั้น ๆ และศึกษาว่าแสงเป็นคลื่นได้
7. เจมส์ วัตต์ นักประดิษฐ์ชาวสก็อตแลนด์ที่ได้เห็นเครื่องสูบน้ำของนิวโคเมนและได้นำมาพัฒนาเป็นเครื่องจักรกล ทำให้การปฏิวัติอุตสาหกรรมพัฒนาได้เร็ว
ขึ้น
กระบวนการเปลี่ยนแปลงในยุคใหม
่
การปฏิวัติวิทยาศาสตร์
หมายถึง วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ได้แก่ การสังเกต การตรวจสอบ และการทดลองอย่างมีหลักการและมีเหตุผล เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 16 - 18
นักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ
ได้แก่
1. กาลิเลโอ ใช้กล้องโทรทรรศน์ยืนยันความถูกต้องของระบบสุริยจักรวาล
2. เซอร์ ไอแซค นิวตัน ค้นพบกฎการโน้มถ่วง แรงดึงดูดของโลก
3. โยฮันเนส เคปเลอร์ ค้นพบวงโคจรของดาวเคราะห์เป็นวงรีไม่ใช่วงกลม
4. เรอเน เดสการ์ต บิดาแห่งเรขาคณิตวิเคราะห์สมัยใหม่
5. ปิโตรเลมี ศึกษาโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
การปฏิวัติอุตสาหกรรมและผลในด้านต่าง ๆ
การปฏิวัติอุตสาหกรรม หมายถึง การเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิต จากการใช้แรงงานคนและสัตว์มาเป็นการใช้เครื่องจักรแทน หรือเปลี่ยนจากการผลิตในครัว
เรือนเป็นการผลิตระบบโรงงาน ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 18
ระยะของการปฏิวัติอุตสาหกรรม
การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก เป็นการใช้พลังไอน้ำในการขับเคลื่อนเครื่องจักรในอุตสาหกรรมทอผ้า และต่อมามีการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ประเทศอังกฤษเป็น
ผู้นำอุตสาหกรรมประเทศแรกในการปฏิวัติอุตสาหกรรม
การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่สอง เป็นช่วงที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้า ก๊าซ และน้ำมันมาใช้แทนถ่านหินหรือเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมเหล็กกล้า มีกระบวนการ
ผลิตแยกส่วนแล้วนำมาประกอบกัน มีโรงงานขนาดใหญ่ขึ้น มีจำนวนคนทำงานในเมืองมากขึ้น เกิดเป็นสังคมเมืองขนาดใหญ่
การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่สาม เป็นสมัยเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ มีการประดิษฐ์เครื่องจักรไดนาโมของไมเคิล ฟาราเดย์ เช่น ภาพยนตร์ โทรเลข โทรศัพท์ การพิมพ์
สาเหตุที่อังกฤษเป็นผู้นำในการปฏิวัติอุตสาหกรรม
1. มีระบบการเงินที่มั่นคง
2. มีวัตถุดิบที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรม ได้แก่ เหล็ก ถ่านหิน
3. มีประชากรเพิ่มขึ้นจากการปฏิวัติเกษตรกรรมทำให้มีแรงงานเพิ่มมากขึ้น
4. มีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
5. มีตลาดการค้ากว้างขวางเนื่องจากมีการล่าอาณานิคมมากขึ้น
6. มีการคมนาคมขนส่งสะดวก
ผลกระทบของการปฏิวัติอุตสาหกรรม
ด้านการเมือง
1. เกิดลัทธิจักรวรรดินิยม
2. บทบาททางการเมือง และการต่อสู้ของกรรมกร
3. การสถาปนาอำนาจของชนชั้นกลาง
ด้านเศรษฐกิจ
1. เกิดชนชั้นกลาง และชนชั้นกรรมมาชีพ
2. เกิดระบบโรงงานแทนการผลิตในครัวเรือน
3. เกิดความเหลี่ยมล้ำทางเศรษฐกิจ คือ ประเทศพัฒนาแล้ว และประเทศกำลังพัฒนา
ด้านสังคม 1. เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
2. เกิดการเลื่อนชั้นทางสังคม
3. ประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
4. ชุมชนเมืองเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ด้านภูมิปัญญา
1. ลัทธิเสรีนิยม โดย อดัม สมิธ แนวคิด "ให้มีการแข่งขันทางเศรษฐกิจอย่างเสรี โดยรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจน้อยที่สุด"
2. ลัทธิสังคมนิยม โดย คาร์ล มาร์กซ แนวคิด "ให้สังคมมีความเสมอภาค ลดความแตกต่างระหว่างชนชั้น ให้คิดเห็นส่วนรวมมากกว่า"
ผลกระทบการปฏิวัติอุตสาหกรรมในประเทศไทย
1. มีการนำเรือมาใช้ในกองทัพเรือ
2. เกิดกองทหารแบบตะวันตก
3. มีความก้าวหน้าด้านการผลิตสิ่งพิมพ์
เทคโนโลยีกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของไทย
1. เกิดอุตสาหกรรมโรงสีข้าวแห่งแรกของไทย
2. ตั้งโรงกษาปณ์ ในสมัยรัชกาลที่ 4
3. มีระบบเงินตรา เป็น บาท สตางค์ ในสมัยรัชกาลที่ 5
เทคโนโลยีกับการปฏิรูปทางสังคม
การสาธารณูปโภค มีการใช้ประปา ไฟฟ้า
การคมนาคม เปลี่ยนการสัญจรทางน้ำมาเป็นทางบก มีการสร้างถนนในสมัยรัชกาลที่ 4 ถนนสายแรกคือ ถนนเจริญกรุง และการสร้างทางรถไฟ
การสื่อสาร มีการสร้างกรมไปรษณีย์ และนำโทรศัพท์วิทยุกระจายเสียงเข้ามาใช้
การสาธารณสุข ชาวตะวันตกโดยมิชชั่นนารีเข้ามารับการรักษา มีการตั้งศิริราชพยาบาล สภากาชาดไทย สถานเสาวภา และ โรงพยาบาลขึ้น
สถานการณ์สำคัญในคริสต์ศตวรรษที่ 21
โลกในคริสต์ศตวรรษที่ 21 เป็นยุคที่โลกมีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว อันสืบเนื่องมา จากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ของทุกภูมิภาคของโลกเข้าด้วยกัน ส่งผลทำให้เกิดเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ชาติโดยรวมในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ดังตัวอย่างต่อไปนี้
การก่อการร้าย เมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2001
การก่อการร้าย หมายถึง การใช้ความรุนแรงหรือขู่ว่าจะใช้ความรุนแรงต่อบุคคลหรือ กลุ่มบุคคล เพื่อเปลี่ยนแปลงผลของกระบวนการทางการเมืองบางประการ ผู้ก่อการอาจเป็น ชนกลุ่มน้อยในประเทศหรือเป็นสมาชิกองค์กรใต้ดินต่างๆ โดยจุดมุ่งหมายของการก่อการร้ายกล่าว อย่างกว้างๆ มี 2 ประการ ประการที่หนึ่ง คือ เพื่อแสดงออกซึ่งความไม่พอใจในสิ่งที่ตนเผชิญอยู่ ประการที่สอง คือ เพื่อเรียกร้องความสนใจและสร้างให้เกิดความกลัวขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในโลกปัจจุบันที่เทคโนโลยีทางด้านข่าวสารพัฒนาก้าวหน้าไปมาก กลุ่มผู้ก่อการร้ายสามารถใช้ สื่อสารมวลชนช่วยกระจายความต้องการหรือ ข้อเรียกร้องของตนออกไปอย่างกว้างขวาง ทำให้ประชาชนและผู้ปกครองต้องหันมาสนใจและเกิด ความกลัวขึ้นมาว่า หากไม่ทำตามคำเรียกร้อง กลุ่มก่อการร้ายก็อาจจะก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้น มาได้
การก่อการร้ายที่สร้างความเสียหายครั้ง สำคัญในคริสต์ศตวรรษที่ 21 คือ เหตุการณ์วันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2001 ที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายได้จี้ บัง คับ เ ค รื่อ ง บิน โ ด ย สา ร ภา ย ใ น ป ระ เ ท ศ สหรัฐอเมริกา จำนวน 4 ลำ พุ่งชนอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ รัฐนิวยอร์ก และพุ่งชนอาคาร เพนตากอน ที่ทำการกระทรวงกลาโหม รัฐวอชิงตัน ดี.ซี. ผลปรากฏว่าอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ถล่มทั้งสองอาคาร ส่วนอาคารเพนตากอนเสียหายอย่างหนัก มีผู้เสียชีวิตประมาณ 3,000 คน และ ทรัพย์สินถูกทำลายเสียหายมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา รวมทั้งขวัญกำลังใจของชาวอเมริกันตกต่ำลงเนื่องจากเกิดความรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัยอันมาจากการถูกโจมตี ภายในประเทศของตนเป็นครั้งแรก
จากเหตุการณ์การก่อการร้ายนี้ นักวิชาการส่วนใหญ่ต่างวิเคราะห์สาเหตุของเหตุการณ์ว่า น่าจะมาจากการที่สหรัฐอเมริกาเป็นชาติมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกมาตลอดตั้งแต่หลัง สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ทั้งนี้สหรัฐอเมริกาได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศในลักษณะ แผ่ขยายอำนาจไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินแดนตะวันออกกลางที่มีทรัพยากรธรรมชาติ สำคัญ คือ น้ำมัน ด้วยการแทรกแซงและสนับสนุนการก่อตั้งรัฐอิสราเอลขึ้นในดินแดนปาเลสไตน์ ใน ค.ศ. 1948 จากนั้นสหรัฐอเมริกาก็ดำเนินนโยบายสนับสนุนอิสราเอลมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการ ทำสงครามกับกลุ่มประเทศอาหรับ การยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ ขณะเดียวกันก็ให้การ สนับสนุนรัฐบาลของประเทศอาหรับที่เป็นมิตรกับสหรัฐอเมริกา การกระทำเช่นนี้สร้างความไม่พอใจให้กับหมู่ชาวอาหรับซึ่งเห็นว่าสหรัฐอเมริกามีนโยบายคุกคามกลุ่มประเทศอาหรับและ ต้องการเข้ามามีอำนาจในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ การแทรกแซงของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคนี้ นำมาซึ่งความขัดแย้งนับครั้งไม่ถ้วนของประเทศต่างๆ หลายครั้ง นอกจากนี้ความขัดแย้งรุนแรงที่ เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ก่อการร้ายที่เป็นมุสลิมมีเป้าหมายในการทำสงครามเพื่อศาสนาหรือ การทำจิฮัด (Jihad) ต่อต้านสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร โดยเฉพาะอิสลาเอลให้ออกไปจากดินแดน ปาเลสไตน์ รวมทั้งต่อต้านประเทศมุสลิมที่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกา อย่างเช่นซาอุดีอาระเบีย
การที่สหรัฐอเมริกาถูกโจมตีด้วยการถล่มตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ สัญลักษณ์ทางเศรษฐกิจ และอาคารเพนตากอน ที่ทำการกระทรวงกลาโหม สัญลักษณ์ทางการทหารของสหรัฐอเมริกานั้น นับเป็นปฏิกิริยาที่มีต่อบทบาทของสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลาที่ผ่านมา รวมทั้งเป็นการทำลายความ น่าเชื่อถือของสหรัฐอเมริกาในฐานะชาติมหาอำนาจและเป็นศูนย์กลางระบบทุนนิยมโลก
สหรัฐอเมริกาไม่สามารถยอมให้เหตุการณ์การก่อการร้ายนี้ผ่านไปโดยหาผู้รับผิดชอบ ไม่ได้ ทั้งนี้สหรัฐอเมริกาเชื่อว่าการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของขบวนการอัล เคดา หรือ อัล กออิดะห์ (Al Qa’ida) ที่มีนายอุซามะ บิน ลาเดน (Usama Bin Ladin) เป็นผู้นำสหรัฐอเมริกาจึงได้ประกาศสงครามกับกลุ่มก่อการร้ายและพร้อมจะทำลายกลุ่มองค์กรเหล่านี้ รวมทั้งรัฐบาลที่ให้แหล่งพักพิงและสนับสนุนการก่อการร้าย ดังนั้นสังคมโลกในคริสต์ศตวรรษ ที่ 21 จึงก้าวเข้าสู่สงครามต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างประเทศซึ่งมีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ ทั้งนี้ การก่อการร้ายระหว่างประเทศนอกจากจะเกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกาแล้ว ยังคงเกิดขึ้นตามจุดต่างๆ ทั่วโลก ประเทศต่างๆ ตระหนักว่ากลุ่มก่อการร้ายเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ปฏิบัติการเคลื่อนไหวผ่าน เครือข่ายที่กระจายอยู่ทั่วโลก จึงเกิดการตื่นตัวในการร่วมมือป้องกันและปราบปรามการ ก่อการร้ายระหว่างประเทศ เช่น ประเทศมหาอำนาจโดยเฉพาะสหภาพยุโรป รัสเซีย และจีน กลายเป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกาในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายและทำสงครามโค่นล้มรัฐบาล ของประเทศอัฟกานิสถาน โดยอ้างถึงความกดขี่ในด้านการปกครองและการสนับสนุนการก่อการร้ายของรัฐบาลกลุ่มตาลีบันของอัฟกานิสถาน แต่ส่วนใหญ่คัดค้านสหรัฐอเมริกาในการ ทำสงครามกับอิรัก เพราะไม่ต้องการสนับสนุนการดำเนินนโยบายแบบฝ่ายเดียวกับสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกันกลุ่มก่อการร้ายก็ทำการก่อวินาศกรรมต่อต้านสหรัฐอเมริกาและประเทศพันธมิตร อย่างเช่นอังกฤษและออสเตรเลีย ด้วยการก่อวินาศกรรมทำลายชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้น เช่น เหตุการณ์การก่อการร้ายระเบิดสถานบันเทิงในเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2002 ที่มีผู้เสียชีวิต 202 คนและบาดเจ็บกว่า 300 คน เป็นต้น
การก่อการร้ายระหว่างประเทศยังคงเป็นปัญหาที่สำคัญอย่างยิ่งระหว่างประเทศและส่ง ผลให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศอีกต่อไป เนื่องจากสหรัฐอเมริกายังเป็นอภิมหาอำนาจหนึ่ง เดียวของโลกที่จะเรียกร้องและกดดันให้ประเทศต่างๆ มีส่วนรับผิดชอบต่อการทำสงครามต่อต้านการก่อการร้ายทั่วโลก ดังนั้นรัฐบาลในหลายประเทศที่กำลังเผชิญหน้ากับกลุ่มก่อการร้ายภายใน ประเทศซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายระหว่างประเทศ เช่น เครือข่ายกลุ่มอัล กออิดะห์ ดังเช่นรัฐบาลฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียกำลังเผชิญอยู่ อาจต้องขยายความร่วมมือกับ สหรัฐอเมริกาและยินยอมให้สหรัฐอเมริกาเข้าไปมีบทบาทในการปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายภายใน ประเทศของตน ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนในประเทศนั้นๆ รวมตัวต่อต้านสหรัฐอเมริกา อย่างรุนแรงและใช้วิธีการก่อการร้ายเพื่อเรียกรอ้งความต้องการของกลุ่มตน
ความขัดแย้งทางศาสนา
ความขัดแย้งทางศาสนาเป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นง่ายและรุนแรง เนื่องจากผู้นับถือ ศาสนาแบบยึดมั่นถือมั่นจะเห็นว่าศาสนาหรือลัทธิที่ตนนับถือดีกว่าของผู้อื่นละไม่ยอมรับคนต่าง ศาสนาต่างลัทธิ ทั้งนี้เพราะคนเหล่านั้นมีพื้นฐานความเชื่อต่างกันและตีความศาสนาไปตามความ เชื่อของตน และวางรูปแบบการดำรงชีวิตแตกต่างกันออกไปตามที่ตนเชื่อถือ ซึ่งความยึดมั่นถือ มั่นนี้เองทำให้เกิดความขัดแย้งกันขึ้นมา ส่วนใหญ่ความขัดแย้งทางศาสนามักจะมีความรุนแรง และพร้อมจะสละชีวิตเพื่อความยึดมั่นของตน ดังที่ปรากฏเป็นสงครามทางศาสนาหรือสงครามครู เสดระหว่างชาวคริสตเตียนกับชาวอิสลามในสมัยโบราณ เป็นต้น ทั้งนี้ความขัดแย้งทางศาสนา เกิดขึ้นได้ทั้งในศาสนาต่างศาสนาและศาสนาเดียวกัน ความขัดแย้งทางศาสนาที่สำคัญมีดังนี้
1. ความขัดแย้งระหว่างศาสนา ตัวอย่างเช่น ความขัดแย้งทางศาสนาในประเทศ อินเดีย เป็นความขัดแย้งระหว่างชาวฮินดูกับชาวมุสลิมจนแยกเป็นประเทศปากีสถานใน ค.ศ.1947 ซึ่งเดิมปากีสถานรวมเป็นดินแดนเดียวกับอินเดียและอยู่ภายใต้การปกครองอังกฤษ และ ก่อนที่อินเดียจะได้รับเอกราช ชาวมุสลิมในอินเดียก็ร่วมกันเรียกร้องที่จะแยกประเทศเนื่องจาก ความแตกต่างระหว่างชาวฮินดูกับชาวมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างทางการเมืองที่ผู้นับถือ ศาสนาอิสลามหรือชาวมุสลิมที่มีจำนวนน้อยกว่าผู้ที่นับถือศาสนาฮินดู ทำให้ชาวมุสลิมเป็นชนกลุ่ม น้อยของประเทศที่ได้รับสิทธิทางการเมืองน้อย หรือความแตกต่างทางศาสนาที่ชาวมุสลิมนับถือ พระเจ้าองค์เดียว ส่วนชาวฮินดูนับถือพระเจ้าหลายองค์ รวมทั้งความแตกต่างทางสังคมที่ชาว มุสลิมเชื่อว่าทุกคนมีความเท่าเทียมกัน แต่สังคมชาวฮินดูมีระบบวรรณะ เป็นต้น จากเหตุผลดังกล่าวปัญหาระหว่างชาวมุสลิมและชาวฮินดูก็เพิ่มมากขึ้นจนถึงขั้นปะทะกันอย่างรุนแรง ในที่สุด อังกฤษจึงให้เอกราชกับอินเดียและปากีสถานเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1947 แต่ภายหลังจากมี การจัดตั้งเป็นประเทศแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียกับปากีสถานก็ไม่ราบรื่นนัก ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาพรมแดน ปัญหาแคว้นแคชเมียร์ และการแข่งขันการสะสมและพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เพื่อ ข่มขู่ฝ่ายตรงกันข้าม นอกจากนี้ความขัดแย้งระหว่างชาวมุสลิมกับชาวฮินดูในอินเดียก็ยังคง ดำเนินเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
2. ความขัดแย้งภายในศาสนาเดียวกัน ตัวอย่างเช่น
1) ความขัดแย้งระหว่างชาวมุสลิมในประเทศปากีสถาน ที่นำไปสู่การแยกเป็น ประเทศปากีสถานกับบังกลาเทศเมื่อ ค.ศ. 1971 โดยมีสาเหตุสำคัญ 2 ประการ ประการที่หนึ่งมา จากสภาพทางภูมิศาสตร์ที่แยกปากีสถานออกเป็น 2 ส่วน คือ ปากีสถานตะวันตกและปากีสถานตะวันออก โดยมีอินเดียคั่นกลาง ส่วนอีกประการหนึ่งที่สำคัญ คือ ความไม่พอใจในความไม่เท่า เทียมกัน เนื่องจากประชากรในปากีสถานตะวันออกส่วนใหญ่มากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากร ทั้งหมดของประเทศปากีสถาน แต่รัฐบาลกลับให้ความสนใจในการพัฒนาปากีสถานตะวันตกมาก กว่า ชาวปากีสถานตะวันออกจึงพยายามที่จะแยกตัวออกมา รัฐบาลปากีสถานจึงส่งกองทหารเข้า ปราบปราม ทำให้ชาวปากีสถานตะวันออกหลบหนีไปอาศัยอยู่ในอินเดีย โดยที่รัฐบาลปากีสถาน กล่าวโจมตีอินเดียว่าให้การสนับสนุนแก่ชาวปากีสถานตะวันออก อย่างไรก็ตาม ในที่สุดปากีสถาน ตะวันออกก็สามารถแยกประเทศได้สำเร็จและจัดตั้งประเทศใหม่ในชื่อว่า บังกลาเทศ
2) ความขัดแย้งระหว่างอิรักและอิหร่าน มีสาเหตุสำคัญ ได้แก่
- ปัญหาเรื่องเขตแดน
ได้แก่ การแย่งชิงสิทธิเหนือร่องน้ำอัล-อาหรับซึ่งเป็น เขดแดนตอนใต้ระหว่างอิรัก-อิหร่าน และมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ คือ เป็นที่ตั้งท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดและสถานีส่งน้ำมันที่สำคัญ รวมทั้งเป็นแหล่งน้ำมันของอิหร่านด้วย
- ปัญหาชนกลุ่มน้อยชาวเคิร์ด
ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยชาวเขาในอิรัก อิหร่าน และ ซีเรีย ที่ได้พยายามเรียกร้องการปกครองตนเองมาเป็นเวลายาวนาน โดยเฉพาะในอิรักที่มีชาว เคิร์ดอาศัยอยู่จำนวนมาก ที่มีความแตกต่างจากอิรักทั้งเชื้อชาติและศาสนาแม้จะเป็นมุสลิม เหมือนกันแต่ก็นับถือกันคนละนิกาย โดยชาวอิรักนับถือนิกายชีอะห์ ส่วนชาวเคิร์ดนับถือนิกาย สุหนี่ ทั้งนี้ชาวเคิร์ดมักใช้วิธีการก่อจราจลและการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธโดยได้รับการสนับสนุนจาก อิหร่าน ซึ่งทางอิรักก็ใช้กำลังเข้าปราบปรามอย่างรุนแรง
- ความขัดแย้งระหว่างผู้นำประเทศ
ภายหลังที่อิหร่านโค่นล้มสถาบันกษัตริย์และ เปลี่ยนการปกครองเป็นสาธารณรัฐอิสลาม ที่มีอยาโตลลาห์ โคไมนี เป็นผู้นำประเทศอิหร่าน และนำหลักศาสนาอิสลามมาใช้ในการปกครองประเทศ หลายประเทศในตะวันออกกลางเกรงว่า อิหร่านจะเผยแพร่แนวคิดรัฐอิสลามไปยังประเทศของตนและอาจส่งผลต่อความมั่นคงทางการเมือง ทำให้อิรักที่มีพรมแดนติดกับอิหร่านและมีความขัดแย้งกันมานานแล้วยิ่งทวีความรุนแรง มากขึ้น โดยโคไมนีพยายามเรียกร้องให้ชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ที่มีจำนวนร้อยละ 65 ของชาวอิรัก ทำการโค่นล้มรัฐบาลประธานารธิบดีซัดดัม อุสเซน ซึ่งเป็นชาวมุสลิมนิกายสุหนี่ ที่พยายามจะ ขยายอำนาจเข้ามาในอิหร่าน จากความขัดแย้งของทั้งสองประเทศส่งผลให้เกิดการปะทะกันตามพรมแดนและทวีความรุนแรงมากขึ้น กลายเป็นสงครามยืดเยื้อ เนื่องจากอิรักได้รับการสนับสนุน อาวุธจากสหรัฐอเมริกาส่วนอิหร่านได้รับความช่วยเหลือจากรัสเซียจนกระทั่งองค์การ สหประชาชาติและประเทศที่เป็นกลางพยายามเจรจาและยุติสงครามใน ค.ศ. 1988
ปัญหาโรคระบาด
ในคริสต์ศตวรรษที่ 21 นี้ได้เกิดเหตุการณ์ทางด้านโรคติดต่อร้ายแรงหลายชนิดที่คุกคาม มนุษยชาติ ส่งผลต่อความสูญเสียชีวิตของมนุษย์และสัตว์ปีกที่เป็นอาหารของมนุษย์ นอกจากนี้ ยังสูญเสียงบประมาณในการรักษาและป้องกัน รวมทั้งภาพรวมทางเศรษฐกิจโดยรวมด้วย โรค ติดต่อร้ายแรงในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ที่จะกล่าวถึง ได้แก่ โรคเอดส์ โรคไข้หวัดมรณะ โรคไข้หวัด นก และโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009
โรคเอดส์
โรคเอดส์ (Acquired Immuno Deficiency Syndrome: AIDS) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อ ไวรัสที่วงการแพทย์เรียกกันว่า Human Immuno Deficiency Virus หรือไวรัสที่ทำให้ภูมิคุ้มกัน ของมนุษย์บกพร่อง ซึ่งนิยมเรียกกันย่อๆ ตามอักษรตัวแรกของชื่อไวรัสนี้ในภาษาอังกฤษว่า
เอชไอวี (HIV) เมื่อเชื้อไวรัสเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์แล้ว จะมีการฟักตัวอยู่ระยะเวลาหนึ่งบางครั้งอาจใช้เวลานานหลายปีโดยไม่ได้แสดงอาการผิดปกติใดๆ ต่อมาไวรัสก็จะเพิ่มจำนวนมาก ขึ้นและทำลายภูมิคุ้มกันของร่างกายให้เสื่อมลงเรื่อยๆ ในที่สุดร่างกายก็ไม่สามารถป้องกันตัวเอง จากการติดเชื้อโรคใดๆ ทำให้ติดเชื้อโรคอื่นๆ เช่น ปอดบวม วัณโรค มะเร็งบางชนิด ปอดอักเสบ สมองอักเสบ แทรกตามมาได้ง่ายและจะปรากฏอาการของโรคเอดส์ขึ้นมา
โรคเอดส์เป็นโรคที่ค้นพบครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อ ค.ศ. 1981 โดยศูนย์ ควบคุมโรคของสหรัฐอเมริกาพบว่าคนไข้ชายหนุ่มที่เป็นรักร่วมเพศจำนวนหนึ่งที่เข้ารับการตรวจที่ ห้องปฏิบัติการ มีการทำงานของเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการต้านทานโรคเสียไป และเสียชีวิตลงเพราะภูมิคุ้มกันโรคบกพร่องเสีย จึงทำให้มีผู้เสนอเรียกชื่อว่าโรคว่า AIDS ต่อมาโรคเอดส์เป็นที่รู้จักมาก ขึ้นเมื่อดาราภาพยนตร์ชื่อ ร็อค ฮัดสัน ได้เปิดเผยว่าตนเองเป็นโรคนี้และติดโรคนี้จากการมี พฤติกรรมรักร่วมเพศ เพื่อเตือนให้สาธารณชนตระหนักถึงอันตรายของโรคซึ่งยังไม่มีทางรักษาให้ หายได้
สถานการณ์ของโรคเอดส์ในปัจจุบันพบว่ามีความรุนแรงและขยายวงกว้างไปทั่วทุกภูมิภาค ของโลก จากสถิติขององค์การอนามัยโลกระบุว่าใน ค.ศ. 1994 ทั่วโลกมีประชากรที่ติดโรคเอดส์ ประมาณ 4 ล้านคน ในขณะที่สถิติ ค.ศ. 1993 มีประชากรที่เป็นเอดส์เพียง 2.5 ล้านคน นับ เป็นการเพิ่มจำนวนคนเป็นเอดส์ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเวลาเพียงปีเดียว และจากการประมาณ โดยการสันนิษฐานทางการแพทย์ของสหประชาชาติ คาดว่านับตั้งแต่โรคเอดส์เกิดขึ้นจนถึง ปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อเอดส์อยู่ประมาณ 40 ล้านคนและเสียชีวิตแล้วประมาณ 3 ล้านคน โดยมี สาเหตุการติดเชื้อที่สำคัญมาจากการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้อไวรัสเอชไอวี โดยเชื้อไวรัสนี้จะอยู่ ในของเหลวที่ขับออกมาจากอวัยวะเพศของทั้งชายและหญิง การมีเพศสัมพันธ์กับคนหลายคนจะทำให้มีอัตราการเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสได้สูงกว่าปกติ รองลงมา คือ การติดเชื้อจากการได้รับ เลือดที่มีเชื้อไวรัสเอชไอวีเข้าไป การใช้เข็มฉีดยาร่วมกันโดยเฉพาะในหมู่ผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด และการติดเชื้อของทารกจากมารดาที่เป็นโรคเอดส์
จากภัยอันตรายจากโรคเอดส์ที่มีการแผ่ระบาดอย่างรวดเร็วทั่วโลกและยังไม่ทางรักษา หายขาดได้ ประชาคมโลกต่างตระหนักถึงภัยอันตรายที่คุกคามต่อมนุษยชาติดังกล่าว จึงได้จัดให้มี การประชุมนานาชาติเรื่องโรคเอดส์ (ACCESS FOR ALL 2004) ขึ้นในประเทศไทยเมื่อเดือน กันยายน ค.ศ. 2004 ทั้งนี้มีผู้นำระดับโลก รวมทั้งดารา นักร้องที่มีชื่อเสียงระดับโลก นักวิชาการ ผู้ทำงานด้านโรคเอดส์ และเครือข่ายกลุ่มผู้ติดเชื้อจากประเทศต่างๆ ได้เข้าร่วมงานจำนวนมาก ถือเป็นการประชุมเรื่องโรคเอดส์ครั้งใหญ่ที่สุด เพราะทุกประเทศต่างตระหนักถึงภัยอันตรายต่อ ชีวิตมนุษยชาติ จึงต้องหาทางร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว
โรคไข้หวัดมรณะ
ไข้หวัดมรณะหรือซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome: SARS) เป็นโรคที่เกิด จากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า SARS-associated coronvirus (SARS-CoV) และจากข้อมูลขององค์การ อนามัยโลกเชื่อว่าเชื้อไวรัสที่น่าจะเป็นสาเหตุของไข้หวัดมรณะ คือ เชื้อไวรัสที่มีชื่อว่าโคโรนาไวรัส (Corona Virus) ซึ่งเชื้อไวรัสนี้สามารถทำให้เกิดโรคได้ทั้งมนุษย์และสัตว์ เมื่อใดที่ต้องออกมาอยู่ ภายนอกร่างกายก็จะถูกทำลายลงได้ง่าย โดยทั่วไปจะอยู่ได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมง และหากอยู่ใน บริเวณที่มีแสงแดด ความร้อนและรังสียูวีในแสงแดดจะทำลายเชื้อโรคภายในเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง นอกจากนี้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่ใช้ในบ้านหรือสำนักงานทั่วไปก็สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ด้วยเช่น กัน
ไข้หวัดมรณะหรือโรคซาร์สได้เริ่มคุกคามมนุษย์และแพร่ระบาดมากใน ค.ศ. 2003 โดย ประเทศที่ได้รับเชื้อไข้หวัดมรณะรุนแรง ได้แก่ จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน แคนาดา ฮ่องกง และ เวียดนาม ทั้งนี้การติดต่อของโรคไข้หวัดมรณะสามารถติดต่อได้โดยการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย